การสํารวจสุขภาพของพนักงาน | Health on demand 2564
นายจ้างที่แสดงให้เห็นว่าพวกเขาใส่ใจจะมีข้อได้เปรียบ
การสํารวจสุขภาพของพนักงานในครั้งล่าสุดของเรา ถามพนักงานกว่า 14,000 คนทั่วโลกว่านายจ้างของพวกเขาจะสร้างผลกระทบที่ดีต่อสุขภาพของพวกเขาอย่างไร คําตอบแสดงให้เห็นว่าสวัสดิการด้านสุขภาพแบบใดที่สําคัญที่สุดสําหรับพนักงาน สำหรับการสร้างความสามารถในการพลิกฟื้นจากปัญหาและความภักดี
ความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นสําหรับทรัพยากรด้านสุขภาพของพนักงานที่ตอบช่วยสนองความต้องการของพนักงานได้ คือการผลักดันการเปลี่ยนแปลงไปสู่การใช้โซลูชันความเป็นอยู่ที่ดีและการดูแลตนเองแบบดิจิทัล
สวัสดิการที่พนักงานต้องการในตอนนี้
ผลการสํารวจสุขภาพของพนักงาน
การสํารวจ Health on Demand ของเรามีคําถามเกี่ยวกับวิธีที่พนักงานให้คุณค่ากับสวัสดิการด้านสุขภาพประเภทต่าง ๆ
ผลการสำรวจแสดงให้เห็นว่า พนักงานไม่ได้แค่ต้องการความช่วยเหลือเพื่อให้อาการดีขึ้นเมื่อพวกเขารู้สึกไม่สบาย พวกเขายังต้องการความช่วยเหลือในการดูแลสุขภาพให้ดีอยู่เสมอ การจัดการการทํางานที่ยืดหยุ่นและวันหยุดสําหรับการนัดหมายที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ได้กลายเป็นสวัสดิการที่พนักงานพบว่ามีคุณค่ามากที่สุด ตามมาด้วยแอปเพื่อใช้ค้นหาแพทย์หรือการดูแลทางการแพทย์ที่เหมาะสม
ทรัพยากรด้านสุขภาพที่พนักงานให้คุณค่ามากที่สุด เกือบจะเป็นสิ่งที่้ไม่เคยมีใครกล่าวถึงเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา เช่น ความสามารถในการคุยผ่านวิดีโอกับแพทย์หรือพยาบาล และแอปเพื่อช่วยจัดการสภาวะสุขภาพด้วยตนเอง
เมื่อพิจารณาการออกแบบสวัสดิการของพนักงาน นายจ้างจําเป็นต้องใช้แผนสวัสดิการเชิงรุกมากขึ้น เพื่อช่วยให้บุคลากรของตนมีสุขภาพดีอยู่เสมอ ซึ่งทั้งหมดนี้ทำได้ด้วยระบบดิจิทัล
ข้อได้เปรียบทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเสนอสวัสดิการด้านสุขภาพที่หลากหลาย จะรวมถึงการมีกำลังคนที่มีความภักดีและมีความกระตือรือร้นในการทำงานมากขึ้น พนักงานที่สามารถเข้าถึงสวัสดิการส่วนใหญ่กล่าวว่า สวัสดิการของพวกเขาทําให้พวกเขามีแนวโน้มที่อยากย้ายไปที่อื่นน้อยลง (59% เมื่อเทียบกับ 24% ของผู้ที่เข้าถึงสวัสดิการได้น้อยที่สุด)
ผลการสํารวจสุขภาพจิตของพนักงาน
ลดน้อยลงในทางการเงิน
โดดเดี่ยวและโดดเดี่ยวมากขึ้น
มีความสมดุลระหว่างชีวิตและการทํางานลดลง
ถูกบันทึกเนื่องจากCOVID-19
คําตอบในแบบสํารวจสุขภาพจิตของพนักงานระบุว่าพนักงานหนึ่งในสองรู้สึกเครียดทุกวัน อย่างไรก็ตาม พนักงานที่รู้สึกว่าได้รับการสนับสนุนจากนายจ้างของตนมีโอกาสน้อยลง 10% ที่จะเกิดความเครียดสูงหรือมีความเครียดอย่างมาก
ไม่น่าแปลกใจที่หนึ่งในสองของพนักงาน (50%) กล่าวว่าการลงทุนในสวัสดิการด้านสุขภาพจิตนั้นมีความสําคัญมากหรือสําคัญอย่างยิ่ง เมื่อมีการนําทรัพยากรด้านสุขภาพแบบดิจิทัลสำหรับพนักงานมาใช้มากขึ้น จนกลายเป็นบทบาทสําคัญในการบรรเทาวิกฤติสุขภาพจิต เกือบครึ่งหนึ่งของพนักงาน (47%) มองว่าโอกาสในการสนทนาทางวิดีโอกับนักบําบัดเป็นสิ่งที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง กลุ่มพนักงานในจำนวนเปอร์เซ็นต์ที่สูงเท่ากัน บอกว่าให้คุณค่ากับเครื่องมือที่จะช่วยสร้างทักษะการมีสติยั้งคิดและความสามารถในการพลิกฟื้นจากปัญหา เพื่อรับมือกับแรงกดดัน